วันพุธที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ความสวย กับการลงทุน




จากสาวสวยคนนึงเขียนถึงผู้ชายในห้องสินธร  อ่านแล้วเจ๋งดี ฮาดี ขอเอามาแบ่งปัน เผื่อยังไม่ได้อ่าน

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ก่อนอื่นดิฉันขอสาบานว่าสิ่งที่ดิฉันพูดเป็นความจริงค่ะ ดิฉันอายุ 25 ปีค่ะ ความสูง 170 ซม. น้ำหนัก 50 กิโล ส่วนสัด 34-24-36 ผมยาว หน้าตาจัดว่าสวยมาก เซ็กซี่ มีรสนิยม ดิฉันอยากจะแต่งงานกับผู้ชายรายได้สักสองแสนบาทอัพต่อเดือนสักคน คุณอย่าเพิ่งมองฉันโลภนะคะ รายได้ประมาณสองแสนเนี้ยะแค่ชนชั้นระดับกลางๆในห้องสินธรหรือวงการตลาดหุ้นเอง ฉันไม่ได้เรียกร้องมากไปใช่ไหมคะ มีใครในพันทิพย์ ห้องสินธร นี้ที่รายได้เกินสองแสนบ้างคะ พวกคุณแต่งงานไปกันหมดหรือยัง กรุณาช่วยตอบดิฉันทีค่ะ คือดิฉันอยากแต่งงานกับคนรวยๆ อย่างพวกคุณ พวกที่ดิฉันคบด้วยนี่มีแต่พวกธรรมดาๆ รายได้อย่างมากไม่เกินสามหมื่นเอง รายได้แค่นี้จะอุตริไปซื้อบ้านแถวสีลมเนี่ย ยังได้แค่มองเลยใช่ไหมคะ ดิฉันมีคำถามดังนี้ค่ะ กรุณาช่วยตอบด้วยนะคะ

1. หลังจากตลาดหุ้นปิด พวกคุณมักไปต่อที่ไหนกันคะ ( ชื่อร้าน , ผับ , fitness, ฯลฯ)

2. ถ้าจะแอบมองสาว คุณจะมองสาววัยไหนคะ

3. ทำไมคนที่แต่งงานกับคนรวยๆถึงมีแต่พวกอาซิ่มเฉิ่มๆ รสนิยมห่วยๆล่ะคะ 

4.คุณใช้อะไรเป็นเกณฑ์ในการเลือกคนที่คุณจะแต่งงานด้วยคะ'

------------------------

หลังจากนั้นไม่เกิน 30 นาที ก็มีเมล์ จากชายหนุ่มคนนึงส่งมาถึงเจ้าหล่อนว่า : 

ถึงคุณสุดสวยครับ...

หัวข้อกระทู้ของคุณน่าสนใจมากครับ และคงมีผู้หญิงหลายคนมีคำถามเดียวกันกับคุณ ขออนุญาตตอบคำถามในมุมมองของคนเล่นหุ้นแบบผมนะคับ

รายได้ของผมจากการเป็นนักวิเคราะห์หลักทรัพย์และลงทุนในตลาดหุ้นมากว่า 10 ปี อยู่ที่ประมาณห้าแสนบาท ต่อเดือนขาดเหลือนิดหน่อย ซึ่งก็น่าจะผ่านเกณฑ์ของคุณ ดังนั้นผมเชื่อว่าคำตอบของผม น่าจะไม่ทำให้คุณเสียเวลาอ่านนะครับ

จากมุมมองของผมซึ่งเป็นนักธุรกิจ การที่แต่งงานโดยเลือกเฉพาะที่ความสวยเพียงอย่างเดียวนั้น ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด คำตอบนั้นง่ายมาก อธิบายตามตรง จากข้อมูลที่คุณให้มา คุณพยายามจะเน้นจุดแข็งของสินค้าคือ 'ความสวย' เพื่อแลกกับ 'เงิน'

เมื่อคุณมีความสวย และผมมีเงิน แน่นอนว่ามัน Fair และน่าจะเป็นไปได้กับโอกาสทางธุรกิจที่คุณเสนอแต่ก็ติดปัญหาที่ว่าความสวยของคุณนั้นจืดจางลงทุกวัน ในขณะที่เงินของผมไม่ได้ไปไหน ถ้าไม่มีปัญหาอะไร หรือในอีกนัยหนึ่ง รายได้ของผมมีแต่จะเพิ่มทุกปีและเงินของผมก็สามารถนำไปให้ก่อให้เกิดผลตอบแทนงอกเงยขึ้นอย่างสม่ำเสมอ ในขณะที่คุณไม่ได้สวยขึ้นเมื่อข้ามปี และมีแนวโน้มที่จะลดลงๆ ในแต่ละปีที่ผ่านไปเช่นกัน

ในมุมมองของนักเศรษฐศาสตร์ คุณคือสินทรัพย์ที่เสื่อมค่า ไม่ได้เสื่อมธรรมดานะ เสื่อมแบบอัตราก้าวหน้า ดังนั้นถ้าความสวยคือสิ่งเดียวที่คุณมี ก็จงคิดต่อว่า 10 ปีข้างหน้าจะทำอย่างไร

นิยามที่เราใช้กันในตลาดหุ้น คือ ทุกๆ การ Trade มี Position การคบกับคุณก็ถือเป็น Position แต่ถ้า Value ของมันลดลง เราจะขายมันทิ้ง ไม่ใช่ความคิดที่ดีที่จะดันทุรังเก็บมันไว้ ซึ่งหมายถึงการแต่งงานที่คุณต้องการ อาจจะแทงใจดำถ้าผมต้องบอกคุณตรงๆอย่างจริงใจว่า ถ้า Value ของ Asset ลดลงเรื่อยๆ ถ้าเราไม่ขายทิ้ง เราจะ ใช้วิธีการ 'ให้เช่าซื้อ' แทน

แน่นอนว่าคนที่มีรายได้เกินสองแสนบาทต่อเดือนฉลาดพอ พวกเขาแค่คบคุณ แต่จะไม่แต่งงานกับคุณ

ดังนั้นจึงขอแนะนำคุณอย่างหวังดีว่าคุณควรที่จะหยุดที่จะหาวิธีที่จะได้แต่งงานกับคนรวย และคุณควรที่จะทำให้ตัวเองเป็นคนที่มีรายได้เกินสองแสนบาทแทนซะเอง ซึ่งในทางเทคนิคแล้วน่าจะมีโอกาสมากกว่าการหาคนรวยแต่โง่คนนึง (รวยธรรมดาอย่างเดียวไม่พอ ต้องโง่พร้อมด้วย)

หวังว่าคำตอบนี้จะช่วยคุณได้บ้าง อย่างไรก็ตามถ้าหากคุณสนใจ option ในบริการ ! 'เช่าซื้อ' กรุณาติดต่อผม.... เพื่อทำ Bid offer ในโอกาสต่อไป ***** *********hahahhahahhahha


หุ้นเจ้าสัว เจริญ สิริวัฒนภักดี

สั่งซื้อ จาก SE-ED โดยคลิ๊ก!
เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี จับหุ้นตัวไหนเป็นต้องทะยานขึ้นทุกตัว โดยไร้เหตุผลแบบบ้าเลือด ทะลุจุดเดือด" จนมีคำกล่าวว่า "เจ้าสัวเจริญ เป็นเครื่องการันตีราคาหุ้นไปแล้ว"

 "เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี" จับหุ้นตัวไหนเป็นต้องทะยานขึ้นทุกตัว โดยไร้เหตุผลแบบบ้าเลือดทะลุจุดเดือดจนมีคำกล่าวว่า เจ้าสัวเจริญ เป็นเครื่องการันตีราคาหุ้นไปแล้ว นักวิเคราะห์ระดับกูรูต่างมีความเห็นตรงกันว่าใครที่ถือหุ้นเจ้าสัวไว้มีแต่รวยกับรวยไม่ว่าจะเป็น โออิชิ BJC UV GOLD หรือแม้กระทั่ง F&N หุ้นลูกครึ่งไทย สิงคโปร์ เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้นลองมาศึกษารายละเอียดทั้งหมดดูแล้วคุณจะทราบว่าเป็นเพราะอะไร ซึ่งหนังสือเล่มนี้จะมีคำตอบให้กับคุณ

เปิดกิจการในมือ “เจริญ สิริวัฒนภักดี” ราชาเทกโอเวอร์เมืองไทย

เปิดชื่อกิจการในการดูแลของ “เจ้าสัวเจริญ” เจริญ สิริวัฒนภักดี ชายผู้ได้ฉายาเจ้าพ่อน้ำเมา-ราชาเทกโอเวอร์เมืองไทย หลังปิดดีลสนั่นตลาดหุ้นคว้าบิ๊กซีมาครอบครองสำเร็จ
จากกรณีที่เกิดเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ อย่างกว้างขวางในวงการธุรกิจไทยตลอดทั้งวันของวันนี้ (8 ก.พ. 59) ภายหลัง นาย เจริญ สิริวัฒนภักดี หรือที่รู้จักกันในนาม “เจ้าสัวเจริญ”เจ้าของอาณาจักรทีซีซี คอร์ปอเรชั่น และไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ได้บรรลุข้อตกลง ทำสัญญาเทกโอเวอร์ห้างสรรพสินค้าดังอย่างบิ๊กซี จากบริษัทฝรั่งเศสภายใต้ชื่อ “คาสิโนกรุ๊ป” ด้วยมูลค่ากว่า 120,000 ล้านบาทสำเร็จ ซึ่งจากดีลดังกล่าวก็ทำให้ฉายา “ราชาเทกโอเวอร์ของเมืองไทย” ชัดเจนเป็นตัวตนของ “เจ้าสัวเจริญ” มากยิ่งขึ้น
“เจ้าสัวเจริญ” มีชื่อ-นามสกุลว่า “เจริญ สิริวัฒนภักดี” ชื่อจีน “โซวเคียกเม้ง” เกิดและเติบโตในย่านธุรกิจทรงวาด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของไชน่าทาวน์  โดยในช่วงวัยเด็ก “เจ้าสัวเจริญ” จะทำการค้าขายของเล็กๆ น้อยๆ ควบคู่ไปกับการเรียนด้วย เมื่อเขา 11 ปี ได้รับจ้างเข็นรถส่งสินค้า ย่านสำเพ็ง ทรงวาด จากนั้นก็ขยับเป็นพ่อค้าหาบของขาย
ปี 2504 ได้เป็นลูกจ้างของชาวจีนที่อพยพมาอยู่เมืองไทยคนหนึ่ง ในบริษัทย่งฮะเส็ง และห้างหุ้นส่วนจำกัด แพนอินเตอร์ ที่จัดส่งสินค้าให้โรงงานสุราบางยี่ขัน และเพียงปีเดียวเขาได้เป็น ”ซัพพลายเออร์” ให้โรงงานสุราบางยี่ขันเอง นำมาสู่การรู้จักกับนายจุล กาญจนลักษณ์” ผู้เชี่ยวชาญการปรุงรสสุรา
โดยเฉพาะสูตร ”แม่โขง” และคุ้นเคยกับเจ้าสัว เถลิง เหล่าจินดา” ผู้มีอำนาจในการจัดซื้ออุปกรณ์ทุกอย่างของโรงงาน โซเคียกเม้ง” กลายเป็นขุนพลคู่ใจของเจ้าสัวเถลิงในเวลาไม่นาน เพราะความอ่อนน้อมถ่อมตน และมีสัมมาคารวะ กลยุทธ์ แลเคล็ดลับในการทำธุรกิจสุราจึงเป็นของเขาในที่สุด เมื่ออยู่ในวงการของเจ้าสัวแล้ว จึงได้มีโอกาสพบกับ “วรรณา แซ่จิว” หรือปัจจุบันคือ “คุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี” (ภรรยาของเจ้าสัวเจริญ) บุตรสาวของเจ้าสัวกึ้งจู แซ่จิว
ปี 2518 บริษัทธารน้ำทิพย์ ผู้ผลิต “ธาราวิสกี้” ของ “พงส์ สารสิน” และ “ประสิทธิ์ ณรงค์เดช” ประสบภาวะขาดทุนและประกาศขาย กลุ่มเจ้าสัวเถลิงและ “เจริญ” จึงเข้าซื้อกิจการ ซึ่งก็คือบริษัทแสงโสมในปัจจุบัน
ปี 2529 “เจริญ” ที่ได้กลายเป็น “เจ้าสัว” ไปแล้ว ได้เข้าสู่ธุรกิจธนาคาร และการเงิน ด้วยความช่วยเหลือของ “พ่อตา” เข้าไปซื้อหุ้นในธนาคารมหานคร บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์มหาธนกิจ ซื้อหุ้นในบริษัทอาคเนย์ประกันภัย และอีกหลายกิจการ
ปี 2537 ซื้อกิจการกลุ่มโรงแรมอิมพีเรียล ที่มีโรงแรมในเครือจำนวนมากจากนายอากร ฮุนตระกูล และจากนั้น “เจ้าสัวเจริญ” ก็ขยายธุรกิจอย่างไม่เคยหยุดยั้ง จนกระทั่งถึงปัจจุบัน โดยมีทายาท 5 คน พร้อมสานต่อ คือ อาทินันท์ วัลลภา ฐาปน ฐาปนี และปณต ภายใต้ปรัชญาการดำเนินธุรกิจที่เป็นเลื่องลือของ “เจ้าสัวเจริญ” คือ การซุ่มซ่อนยาวนาน สะสมทุน รอคอยโอกาส ที่สำคัญ “คุณธรรมน้ำมิตร” ที่ว่า “บุญคุณต้องทดแทน” ทำให้เส้นทางของ “เจ้าสัวเจริญ” ยังมีโอกาสอีกยาวไกล
ทั้งนี้นอกจากการรวมกิจการต่างๆ ข้างต้นแล้ว “เจ้าสัวเจริญ” ก็ได้เทกโอเวอร์กิจการต่างๆ เรื่อยมาตลอดการทำธุรกิจ ซึ่งที่ฮือฮาและถูกพูดถึงมากที่สุดไม่แพ้ดีลบิ๊กซีที่ปิดไปวานนี้ (7 ก.พ. 59) นั้น ก็คือการเทกโอเวอร์ โออิชิ กรุ๊ป (OISHI) ของ ตัน ภาสกรนที ปี 2549, หุ้นยูนิเวนเจอร์ (UV) ปี 2550, ตึกเนชั่น เมื่อปี 2551, และบริษัทเสริมสุข ปี 2553 เป็นต้น
ส่วนผลิตภัณฑ์ภายใต้กิจการของ “เจ้าสัวเจริญ” ที่พบเห็นกันบ่อยเป็นประจำประกอบด้วย โออิชิ (ทั้งร้านอาหาร และเครื่องดื่ม), เบียร์ช้าง , สุราแสงโสม, Blend285, แรงเยอร์, est, รวมถึงแลนด์มาร์คดังริมเจ้าพระยาอย่างเอเชียทีค ล้วนแล้วเป็นของชายที่ชื่อว่า “เจริญ สิริวัฒนภักดี” ทั้งสิ้น
ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก wikipedia
ติดตามข่าวสารอื่น ๆ ที่น่าสนใจได้ที่นี่ news.mthai.com
MThai News

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น