โบราณว่าไว้ว่า....
เงินสดนั้นควรจะอยู่ในมือเราให้นานที่สุด
บริษัทก็เช่นกัน....
เงินควรจะปล่อยออกจากมือช้าๆ แต่รับเงินมาเร็วๆ
มีคนชอบพูดถึง Cash Cycle หรือวงจรเงินสดบ่อยๆ แล้วนักลงทุนก็จะคุยกันว่า "Cash Cycle ที่ดีมันต้องติดลบๆๆๆๆๆ"
แต่พอมามองถึงเรื่องนี้แล้วตามทฤษฎีนี่มันย๊ากยาก มีพูดถึง ICP RCP PCP และอะไรอีกมากมาย แต่ไม่เป็นไรเดี๋ยวจะอธิบายง่ายๆจากภาพด้านบน
ลองจินตนาการนะครับว่า ทุกๆครั้งที่มีการทำธุรกิจ
1. บริษัทจะมีรายรับ
2. บริษัทจะมีรายจ่าย
กรณีแรก : รับมาเร็ว จ่ายไปช้า
รับทันที รับเงินสด หรือรับภายในช่วงเวลาสั้นๆ อันนี้เป็นเรื่องที่ดีมากเพราะบริษัทจะไม่มีความเสี่ยงเรื่องการเก็บเงินไม่ได้ แถมยังได้เงินไปหมุนทำกิจการต่อได้อีกในระยะเวลาหนึ่งก่อนที่เขาจะนำเงินออกไปเป็นรายจ่าย การที่มีเงินสดอยู่ในมือของบริษัทก็สามารถนำไปหมุนสร้างผลกำไรได้ เช่น การลงทุนระยะสั้นต่างๆ หรือการนำวสภาพคล่องตรงนี้ไปใช้ประโยชน์ชั่วคราว อื่นๆได้ ซึ่งแนวทางนี้ทำให้บริษัทจำนวนมากอยากจะเข้ามาอยู่ในสถานะนี้เพราะจะได้เปรียบในการทำธุรกิจ แต่นั่นก็อยู่ที่อำนาจต่อรองในการทำธุรกิจและลักษณะธรรมชาติของกิจการด้วย
กรณีที่สอง : รับมาช้า จ่ายไปเร็ว
รับช้ามาก โดนลูกค้าขอเครดิตช่น 30 วัน 60 วัน แต่ Supplier นี่บอกว่าถ้าอยากจะค้าขายกับเขาต้องเอาเงินไปชำระเขาก่อน เงินสดจะอยู่กับบริษัทน้อยลงเพราะต้องมีการให้เครดิตไปก่อน ซึ่งมันไม่ได้ปประโยชน์อะไรกลับมานอกจากรอเงินสดชำระ ในขณะที่ธุรกิจเองก็ต้องดำเนินต่อไป อาจจะต้องใช้เงินสำรองสั่งผลิตสินค้าไปก่อน ซึ่งอาจจะมีความเสี่ยงเกิดขึ้นได้ถ้าเงินสดไม่พอ ซึ่งจะทำให้บริษัทต้องหาสภาพคล่องเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นการขอยืมเงินจากธนาคารมาหมุน การขายทรัพย์สินทิ้ง หรืออาจจะต้องขอเงินเพิ่มทุนจากบรรดาผู้ถือหุ้นมาหมุน ทำให้ต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น หากลูกค้าเบี้ยวชำระเงินก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่
เมื่อเรารู้แล้วว่า วงจรเงินสด Cash Conversion Cycle (CCC) นั้น ถ้าธุรกิจที่มันมีกระแสเงินสดเยอะๆมันจะต้อง รับมาเร็วจ่ายไปช้า
มาดูในทฤษฎีบ้าง..... เขาบอกว่ามันจะมี 3 ตัวแปรคือ
1. Inventory Conversion Period (ICP) - ช่วงเวลาขายสินค้า
2. Receivable Conversion Period (RCP) - ช่วงเวลาได้รับเงิน
3. Payable Conversion Period (PCP) - ช่วงเวลาที่จ่ายเงิน
ง่ายๆก็คือ ช่วงขาย (ICP) + ช่วงรับเงิน (RCP) มันควรจะได้เร็วกว่าช่วงจ่ายเงิน (PCP)
ถ้าใช้เวลาขาย 2 วัน รับเงินใน 10 วัน และจ่ายหนี้ในอีก 30 วัน แปลว่า วงจรเงินสดเราคือ 2+10-30 = -18 วัน แปลว่ามีเวลาเอาเงินไปหมุน 18 วัน
กรณีที่บริษัทบางบริษัทมีข้อต่อรองเทพๆ มันก็ต้องเป็น "ผลิตแล้วขายได้เลย + รับเงินสดจากลูกค้า - เอาไปจ่ายเจ้าหนี้ชาติหน้า"
พอจะเข้าใจแล้วยังครับว่าทำไมบริษัทต่างๆถึงพยายามดึงเงินให้จ่ายช้าๆ ตราบที่ยังไม่ต้องจ่ายได้ และในช่วงเศรษฐกิจไม่ดีพวกรายใหญ่มันเลยอยู่รอดได้เพราะมีอำนาจต่อรองกับรายย่อย รายย่อยก็จะขาดเงินเพราะเงินไม่เข้าซักที ขายของไปเป็นชาติแล้ว แบงค์ก็ไม่ปล่อยกู้เพิ่มสภาพคล่องให้ช่วงแย่ๆ แถมยังต้องมีเงินค่าใช้จ่ายกับพนักงานอีก มันเลยมีการปลดพนักงานบ้าง ลดเงินเดือนบ้างและทำอะไรหลายๆอย่างให้บริษัทอยู่รอดได้ และนี่ก็เป็นความสำคัญของเรื่องวงจรเงินสดนะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น