วันศุกร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2556

สิ่งที่นักลงทุนควรทำ

การลงทุนในตลาดหุ้นมีความเสี่ยงแต่ก็มีโอกาสทำให้คนร่ำรวยถ้ารู้จักหลักการและมีวินัยที่ดี จากประสบการณ์ที่ได้ผ่านร้อนผ่านหนาวอย่างโชกโชนและตื่นเต้นในตลาดหุ้นจนสามารถอยู่ในถ้ำเสือได้อย่างปลอดภัยด้วยกลยุทธหุ้นห่านทองคำ ผมขออนุญาตรวบรวมข้อคิดบางประการ ที่คิดว่าน่าจะมีประโยชน์ต่อท่านนักลงทุนเพื่อนำไปพิจารณาดูทั้งหมด 10 ข้อ ดังนี้

การลงทุนในตลาดหุ้นมีความเสี่ยงแต่ก็มีโอกาสทำให้คนร่ำรวยถ้ารู้จักหลักการและมีวินัยที่ดี จากประสบการณ์ที่ได้ผ่านร้อนผ่านหนาวอย่างโชกโชนและตื่นเต้นในตลาดหุ้นจนสามารถอยู่ในถ้ำเสือได้อย่างปลอดภัยด้วยกลยุทธหุ้นห่านทองคำ ผมขออนุญาตรวบรวมข้อคิดบางประการ ที่คิดว่าน่าจะมีประโยชน์ต่อท่านนักลงทุนเพื่อนำไปพิจารณาดูทั้งหมด 10 ข้อ ดังนี้

1. ศึกษาเทคนิคการลงทุนที่ถูกต้อง
2. ไม่พึ่งข้อมูลวงใน (Inside Information)
3. เลือกหุ้นที่มีคุณภาพจากข้อมูลที่เปิดเผย
4. รู้จักการประเมินมูลค่าหุ้น
5. ต้องใจเย็นในการซื้อขายหุ้น
6. ติดตามการดำเนินงานของบริษัท
7. ลดต้นทุนเมื่อมีโอกาส สะสมหุ้นด้วยต้นทุนที่ต่ำลง
8. ให้หุ้นทำงานหาเงิน
9. ใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียง
10. สอนคนอื่นให้มีความรู้อย่างถูกต้อง


1. ศึกษาเทคนิคการลงทุนที่ถูกต้องการซื้อหุ้นโดยเชื่อคนอื่นบอกว่ามันจะขึ้นไปอีกเป็นความเสี่ยงมากทีเดียว ถ้ารักจะลงทุนด้วยตนเอง ต้องรีบทำความเข้าใจเกี่ยวกับการสร้างมูลค่า การอ่านงบการเงินให้เป็นต้องพยายามดูโหงวเฮ้งของ CEO ให้ออก ต้องเข้าใจว่าการลงทุนจริงๆแล้วไม่ใช่การเล่นหุ้นจนสุดท้ายเห็นได้ด้วยตนเองว่าตลาดหุ้นนั้นมิใช่เป็นบ่อนการพนันแต่เป็นสถานที่ ที่นักลงทุนจะสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้ในระยะยาว

2. ไม่จำตัองพึ่งข้อมูลวงใน (Inside Information)
การจะได้ผลตอบแทนดีๆจากตลาดหุ้นต้องได้มาอย่างถูกวิธีและเที่ยงธรรม ไม่จำเป็นต้องเอาเปรียบคนอื่นด้วยการรู้ข้อมูลวงในเลยดีไม่ดีถูกหลอกเองจะช้ำใจเสียเปล่าๆ 
ความจริงแล้ว ข้อมูลเกี่ยวกับหุ้นของบริษัทจดทะเบียนที่สามารถเปิดเผยต่อคนทั่วไปมีอยู่มากมายเพียงพอที่นักลงทุนจะนำไปใช้ศึกษา วิเคราะห์ และตัดสินใจได้อย่างสบาย ทำแบบนี้แล้วจะรู้สึกดีที่เราเป็นคน fair ต่อสังคม

3. เลือกหุ้นที่มีคุณภาพจากข้อมูลที่เปิดเผยพอมีเทคนิคดีแล้ว ต่อมาคือการ เลือกหุ้นที่มีคุณภาพดีๆ หุ้นที่มีคุณภาพคือหุ้นที่มี CEO ดีๆ เก่งๆ ทำผลงานออกมา สวย มีกำไร มีเงินสด มีการขยายงาน หนี้สินมีไม่มาก สามารถจ่ายปันผลได้ด้วยยิ่งดี ทำอย่างนี้ไม่ต้องไปสนใจว่าตลาดหุ้นจะขึ้นจะลง เพราะเราซื้อหุ้นไม่ใช่ซื้อทั้งตลาดหุ้น

4. รู้จักการประเมินมูลค่าหุ้นเมื่อเลือกหุ้นที่มีคุณภาพดีแล้ว ยังไม่ต้อง รีบร้อนเข้าไปซื้อลงทุน ใจเย็นๆ ก่อน ทำการประเมินหามูลค่าหุ้นออกมาดู จะทำแบบไหนก็ได้ ผมใช้วิธีผลตอบแทนจากเงินปันผล (dividend yield) เป็นหลัก บางทีผมก็ใช้วิธี P/E บ้าง แล้วแต่โอกาส

5. ต้องใจเย็นในการซื้อขายหุ้นเมื่อเลือกหุ้นที่มีคุณภาพดีและทำการประเมินมูลค่าหุ้นแล้ว ก็ไม่ต้องรีบร้อนซื้อ ให้นำมูลค่าไปเทียบกับราคาก่อนถ้าราคาต่ำกว่ามูลค่ามากก็ซื้อเยอะได้ ถ้าต่ำกว่าไม่มากอาจจะลงทุนซื้อบ้าง เพราะถ้าหุ้นอ่อนตัวลงจะได้ซื้อมาถั่วเฉลี่ยต้นทุนได้ ขณะเดียวกันถ้าราคาหุ้นขึ้น ก็ไม่ต้องเสียดาย ค่อยๆทยอยขาย จะมากจะน้อยแล้วแต่ศิลปของแต่ละคน ขายแล้วก็มีเงินสดมากขึ้น ต้นทุนหุ้นในมือก็ลดลง ถ้าราคาเกิดอ่อนตัวลงก็สามารถมีเงินไปซื้อกลับมาได้อย่างสดวกโยธิน ทำอย่างนี้ได้จะได้ไม่ต้องตื่นเต้นตกใจ 
ไปกับการแกว่งขึ้นแกว่งลงของราคาหุ้นเลย

6. ติดตามผลการดำเนินงานซื้อหุ้นแล้วต้องติดตามผลการดำเนินงานอย่างน้อยทุกๆไตรมาส เพราะบริษัทจะต้องเปิดเผยผลการประกอบการให้นักลงทุนทราบ และถ้ามีโอกาสควรไปประชุมผู้ถือหุ้นอย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อจะได้ทำการประเมินว่า ผลงานที่CEOทำออกมาดีอย่างที่คาดไว้หรือดีกว่า จะได้ถือเก็บด้วยความมั่นใจ แต่ถ้าผลงานออกมาด้อยกว่าที่คาดบ่อยๆ ก็จะต้องทบทวนว่ายังจะถือต่อหรือทำการโละทิ้ง

7. ลดต้นทุนเมื่อมีโอกาส สะสมหุ้นด้วยต้นทุนที่ต่ำลงเรื่องการลดต้นทุน (cost reduction) เป็นเรื่องที่นักลงทุนโดยทั่วไปยังไม่ค่อยคุ้นเคย เพราะส่วนใหญ่ได้ยินได้ฟังมาเกี่ยวกับเรื่องการทำกำไรจากการขายหุ้น (capital gain) จากคนอื่นเวลาคนอื่นเกิดขาดทุน (capital loss) มักจะอุบเงียบ ก็เลยเข้าใจกันว่า กิจกรรมของตลาดหุ้นคือการเข้ามาเพื่อซื้อหุ้นถูก ขายหุ้นแพงและไม่สนใจจะเก็บรักษาหุ้นไว้เลย แม้ว่าบางทีเป็นหุ้นคุณภาพดีมากพอมีกำไรมากก็ขายหมดเกลี้ยง พอขายหมดก็เหมือนผ่าท้องห่านจะไปเอาห่านที่ไหนมาออกไข่ทองคำซึ่งก็คือเงินปันผล 
ดังนั้นจึงต้องตั้งท่าทีใหม่ เวลาเข้ามาในตลาดหุ้นต้องเล็งที่จะสะสมหุ้นด้วยต้นทุนที่ต่ำที่สุด ด้วยการหาโอกาสลดต้นทุนเมื่อภาวะตลาดอำนวยให้

8. ให้หุ้นทำงานหาเงินนักลงทุนจะต้องไม่ลืมว่า วัตถุประสงค์สุดท้ายคือการไม่ต้องเอาตัวเองไปทำงานหาเงิน เพื่อจะได้มีอิสรภาพของตัวเองอย่างแท้จริง การที่จะทำอย่างนี้ได้ต้องมีทรัพย์สินที่ก่อให้เกิดรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอจนมากพอกับค่าใช้จ่าย หุ้นปันผล คือทางเลือกหนึ่งที่จะทำให้ความฝันกลายเป็นความจริงได้ 
การจะบรรลุจุดหมายนี้ นักลงทุนต้องจำใส่ใจไว้ว่าการได้กำไรจากการค้าหุ้นเป็นเรื่องรอง การมีหุ้นปันผลดีๆ มากๆด้วยต้นทุนต่ำๆคือคำตอบเพราะหุ้นเหล่านี้จะคอยทำงานให้เจ้าของอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

9. ใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียงจากการได้ได้ศึกษาปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงผมเห็นว่าเป็นแนวทางที่ง่าย เรียบตรง ชัดเจน เพราะการลงทุนที่ดีต้องเริ่มจากรู้จักการพอประมาณ ไม่ทำอะไรเกินกำลังต้องมีเหตุผล ด้วยการรอบรู้และเข้าใจถึงแนวทางการลงทุนอย่างถูกวิธีและต้องมีภูมิคุ้มกันด้วยการลดต้นทุนเสมอเมื่อมีโอกาส ทำให้ 
อยู่ได้ในถ้ำเสือโดยไม่สะทกสะท้านต่อการผันผวนทางราคาหุ้น การมีคุณธรรมซึ่งหมายถึงการไม่เอาเปรียบคนอื่นด้วยการใช้ข้อมูลวงในด้วยการปั่นหุ้นที่สำคัญ คือ เป็นคนใช้ชีวิตเป็น ไม่ตระหนี่มาก และก็ไม่จำเป็นต้องอวดความร่ำรวย อะไรที่สมควรก็ทำตามแต่กรณี ทำให้ชีวิตการนักลงทุนมีความสุข

10. สอนคนอื่นให้มีความรู้อย่างถูกต้อง
หลักการต่างๆดังกล่าวมาทั้ง 9 ข้อ ถ้านักลงทุนทำได้ เชื่อว่าจะกลายเป็นนักลงทุนมีคุณภาพ สามารถคอยเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ จากตลาดหุ้นอย่างเป็นกอบเป็นกำอย่างถูกวิธี ที่ดีกว่านั้นคือ ควรต้องพยายามหาโอกาสช่วยเหลือหรือสอนคนอื่นที่มีความต้องการให้ดีขึ้นตาม เป็นเรื่องแปลกมากคือ 
เมื่อเรายิ่งทำการสอน ยิ่งให้วิทยาทานมาก กลับรู้สึกว่าเราได้ รับความรู้สึกสบายอย่างไม่รู้จักจบสิ้น และบางทีหุ้นแจ๋วๆ บางตัวก็ได้มาจากคนที่เราไปสอนก็มี น่าลองดูครับ


เทพ รุ่งธนาภิรมย์ 
บทความจาก M&W พฤษจิกายน 2007

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น